วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อาจารย์ประหยัด เจริญบุญ


ทุกร่างมีองค์คุ้มครอง เอาพิธีเปิดพระโอษฐ์พิสูจน์...เจ๋งๆ
เชื่อหรือไม่???...มนุษย์เราเกิดมาจะ มีองค์บารมีคุ้มครองสังขารกันทุกคน จะเป็น องค์เทพ องค์พรหม หรือ สัมภเวสี...ก็แล้วแต่สัญญาที่ทำกันไว้ตั้งแต่อดีตชาติ ...ไม่สามารถที่จะเลือกองค์บารมีประจำสังขารได้ คนใดที่พูดหรือบอกว่า องค์นั้นองค์นี้เสด็จมาประทับในร่างของตนเอง แล้วสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้นั้น ไม่จริง...(หลอก)

เพราะ องค์เทพจะไม่มีบารมีในการช่วยเหลือมนุษย์คนใดได้เลย เนื่องจากว่าองค์เทพแต่ละองค์นั้นมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน อาจจะมีบ้างเป็นบางองค์ที่ลงมาเพื่อสร้างบารมีช่วยเหลือมนุษย์ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะลงมา เพื่อคุ้มครองร่างเท่านั้น...จึงจะไม่ยินยอมช่วยเหลือใครๆ ทั้งสิ้น

ก็มีการที่ทำพิธีอัญเชิญเทพประจำร่างของแต่ละบุคคล ซึ่งในทางพราหมณ์เรียกว่า “เปิดพระโอษฐ์” คือเมื่อเทพเข้ามาทรงในร่างแล้วก็จะ พูดออกมาเป็นภาษาเทพ ก็จะสื่อกันรู้เรื่องในวงเทพด้วยกัน

ถ้าจะว่าไปแล้ว องค์บารมี ก็ เปรียบเสมือนกับพระไตรปิฎกหรือหนังสือตำรา อะไรเทือกนั้น แต่ว่าคนที่เป็นเจ้าของมีไว้ไม่ยอมมาเปิดอ่านเลย ก็จะไม่รู้ไม่เข้าใจในหนังสือนั้น ด้วยฉะนี้ จึงต้องเปิดหนังสือนั้นดูเนื้อหาข้างใน... ...เช่นเดียวกันกับที่ เปิดพระโอษฐ์ เพื่อที่จะให้เทพประจำร่างนั้น แสดงตนออกมาว่า...เป็นผู้ใด๋
อดีตพนักงานธนาคารหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันลาออกมาประกอบธุรกิจเอง เป็น อาจารย์ในการเปิดพระโอษฐ์ ที่มีลูกศิษย์มาร่วมในสำนักมากมายหลายอาชีพ จนเป็นที่เลื่องลือในกิจ

“เหนือฟ้า ใต้บาดาล” ได้ข่าวก็เลยตามไปสัมผัส ที่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 2 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ตรงถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน (เก่า) เยื้องๆ กับตลาดสารภี

วันนั้นมีลูกศิษย์ของอาจารย์ ประหยัด เจริญบุญ กำลังประกอบกิจเปิดพระโอษฐ์กันอยู่ 4-5 คน พอทีมงานเข้าไป พวกเขาก็เชิญให้เข้าไปสัมผัสกับพิธีกรรมเลย

คนแรกที่เข้าไปสัมผัส คุณกุณฑล เทพจิตรา เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สำนักงานส่งเสริมเกษตรภาคเหนือ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเดินทางไปถึงสำนักฯ เขาบอกกับคณะว่า ไม่เชื่อในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา จึงอาสาเข้าพิธีก่อนใครๆ

คุณกุณฑล เข้าไปนั่งขัดสมาธิตรงหน้าอาจารย์ประหยัดแล้ว หลับตาว่าคาถาตามอาจารย์ประหยัดไปซัก 4-5 นาที เขาก็มีอาการที่ไม่พูดตามอาจารย์และ ก็พูดออกมาเป็นภาษาคล้ายๆ กับภาษาอินเดีย พูดไปหัวเราะไป
แล้วศิษย์อาจารย์ ประหยัดท่านหนึ่งก็เข้ามานั่งแทนอาจารย์ พร้อมกับส่งเสียงโต้ตอบกันเป็นภาษาที่ฟังคล้ายกัน

ก็ได้รับคำบอกเล่าจากอาจารย์ประหยัดว่า เขาพูดภาษาเทพกันแล้วก็รู้เรื่องกันแล้วว่าเป็น เทพองค์ใดที่มาคุ้มครองร่างสังขารของคุณกุณฑล

คุณธงชัย พุ่มพวง ซึ่งเป็นหัวหน้าของ คุณกุณฑล ในสำนักงาน เข้าลองบ้าง ทำในรูปแบบเดียวกัน แต่ว่าไม่มีอาการใดๆ ซึ่ง อาจารย์ประหยัด บอกว่าร่างกายของ คุณธงชัย ไม่พร้อม สุขภาพไม่สมบูรณ์

คุณธงชัยก็บอกว่าจริง เนื่องจากช่วงนั้นเป็นไข้หวัด...เออ ไม่ทราบว่าอาจารย์ประหยัดรู้ได้ อย่างไรว่าไม่สบาย

อีกคนที่เข้าไปทดสอบชื่อ “ฮั้ว” (เขาขอสงวนนามจริง) ทำงานธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดสุโขทัย เข้าไปสัมผัสแล้วก็นั่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าหน้าและตัวเริ่ม แดงขึ้นๆ เหงื่อตกออกมาเป็นเม็ดๆ โดยเฉพาะที่ตรงใบหูนั้น เหงื่อจะหยดออกมามากกว่าที่อื่น

ทนไม่ได้ คุณปัญญา เจริญวงศ์ หัวหน้าทีมที่เข้าพิสูจน์ กระโดดเข้าไปลองเองกับอาจารย์ประหยัด พอเขาท่องคาถาตามอาจารย์ซัก 5-6 นาที ก็เกิดอาการที่นิ่งไม่ยอมพูดจาหรือท่องคาถาต่อ

จากนั้นก็ค่อยๆ มีการกระตุกที่แขนแล้วก็ต่อไปที่ขามาที่ลำตัว และรุนแรงขึ้นแบบชักโดยโยกไปทั้งตัว และก็สั่นอยู่อย่างนั้นนานกว่า 20 นาที
อาจารย์ ประหยัด จึงบอกว่า “...หยุดเถอะ! พอแล้ว ร่างเขาเหนื่อยแล้ว อย่าดื้อดึงเลย” จากนั้นอาการสั่นของคุณปัญญาก็ค่อยๆ สั่นช้าลง ซักพักก็หยุด แล้ว คุณปัญญาก็ลืมตา...คืนเข้าสู่สภาพปกติ!!

จากความรู้สึก คุณปัญญาบอกว่าในช่วงนั้นเหมือนกับว่าเข้าอยู่ในภวังค์ รู้ตัวว่ามีอาการสั่น ก็พยายามที่จะควบคุมอาการตนเอง จะไม่ทำตาม แต่ว่ายิ่งเกร็ง กล้ามเนื้อมันก็ยิ่งสั่น และในช่วงที่ มีอาการสั่นนั้น มีสติรู้หมดว่า ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นเขาพูดอะไรกัน ประสาทต่างๆ ก็ยังเป็นปกติ

จะว่าสะกดจิตหรือก็ไม่ใช่ เนื่องจากว่าไม่ได้สบตากับอาจารย์ เพราะในช่วงที่ทำพิธีนั้นหลับตาตลอด

อาจารย์ประหยัด บอกว่า ที่ตัว คุณปัญญานั้นมี “ผีปู่ผีย่า” (ภาษาเมืองเหนือ) อยู่ในตัว ซึ่งองค์พระธรรมฝ่ายปราบมารทั้งหลายนั้นไม่ สามารถปราบได้ แต่จะให้ท่านไปนั้นก็ยากมาก

ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าตาจนเลยทีเดียว มีวิธีการแก้ไขด้วยองค์กุศล เมื่อท่าน (ผีปู่ผีย่า) ได้กุศลเป็นที่พอใจแล้ว ท่านก็จะไปจุติใหม่ในภพอื่นต่อไป (ส่วนที่จะไปจุติเป็นมนุษย์ เทวดา หรือว่าไปรับกรรมต่อไปนั้น แล้วแต่ บุญกรรมที่ทำไว้ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ บวกกับบุญบารมีในอดีตชาติของท่านเอง)

และเมื่อผีปู่ผีย่าไปแล้ว องค์ธรรมก็จะเข้ามาคุ้มครองสังขารของคุณปัญญาเอง ส่วนจะเป็นเทพ หรือพรหม นั่นก็แล้วแต่...บุญกรรมในอดีตชาติที่คุณปัญญาทำเอาไว้...

...เรื่องราวที่เกิดขึ้น และทีมงาน “เหนือฟ้า ใต้บาดาล” เข้าไปสัมผัสออกมาเป็นรูปธรรมที่เห็นๆ นี้...ท่านเชื่อหรือไม่??

ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ฉบับวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2545 คอลัม "เหนือฟ้า ใต้บาดาล" โดย ก้อง กังฟู

ไม่มีความคิดเห็น: